3 เรื่องที่เราควรทำหากต้องการมีสุขภาพที่ดี

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ในสมัยปัจจุบันนี้  hoiana casino     มักที่จะมีพฤติกรรมการปล่อยละเลยการดุแลสุขภาพร่างกายของตนเอง รวมไปถึงการทำร้ายสุขภาพร่างกายขิงตนเองอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นการขาดการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชนื รวมไปถึงการอดหลับอดนอนอยู่เป็นประจำจนทำให้ร่างกายของตนเองนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของร่างกายอ่อนแอ ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย

จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ซึ่งพฤติกรรม หรือนิสัยที่เราชอบทำล้วนแต่เป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง

ฉะนั้น การที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีได้ ไม่เพียงแต่หมั่นออกกำลังกาย หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายวิธี หรือนิสัยที่เราควรจะทำเป็นประจำเพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง

ดังนั้น เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้อยากที่จะมีสุขภาพร่างกาย ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากใครที่อยากสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง วันนี้เราก็จะมาแนะนำเรื่องที่เราควรจะทำเป็นประจำ หากเราอยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี ไปดูกันเลย 

  • การตรวจสุขภาพประจำปี

สิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองว่าได้รับความเสี่ยงไหม คือการที่เราเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจเช็คร่างกายอยู่เสมอ เพราะวิธีนี้จะทำให้เรารู้ทันร่างกาย เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษา หรือดูแลสุขภาพร่างกายได้อย่างเหมาะสม และถูกวิธีนั่นเอง ซึ่งทางที่ดีเราควรจะเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อความมั่นใจ 

  • การหมั่นออกกำลังกาย

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะการที่ร่างกายของเราได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย เพื่อให้การใช้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ 

  • การให้ความสำคัญกับอาหาร

ไม่ใช่ว่าเราจะทานอาหารประเภทไหนก็ตาม เพราะในสมัยปัจจุบันนี้ อาหารส่วนใหญ่จะมีทั้งมีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ หากเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหารก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้ ฉะนั้น เพื่อการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ควรที่จะให้ความสำคัญกับการเลือกอาหาร เพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง และเพื่อช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้นั่นเอง

เมื่อเกิดการระคายเคืองคอ ต้องดูแลอย่างไรและมีแนวทางการแก้ไขอย่างไร

 

Bulto en el cuello: todo lo que debes saber - Mejor con Salud

การระคายเคืองคอ (throat irritation) มักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจมีลักษณะและอาการต่าง ๆ ได้ตามสาเหตุของการระคายเคืองนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อการระคายเคืองคอด้วย

นี่คือบางสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองคอ

1.การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส: เช่น ไวรัสหวัดหรือไข้หวัด

2.การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถทำให้คอแห้งและระคายเคือง

3.การบริโภคสารพิษ: เช่น ควันหลง, ฝุ่น, หรือสารเคมีที่อาจติดมากับอากาศ

4.การใช้เสียงมาก: เช่น การพูดมากหรือใช้เสียงที่เสียดทาน

5.การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เผ็ด, เเร่ง, หรือหวานมาก: อาจทำให้คอระคายเคือง

6.ภาวะแพ้: ภาวะแพ้ที่ทำให้คออักเสบ

การระคายเคืองคอมักเป็นอาการเฉพาะของโรคหรือสภาพที่เป็นชั่วคราว แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือยานและคุณมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่ปกติ เช่น ไข้สูง, ปวดคอ, หายใจเจ็บ, คอบวม, หรืออาการรุนแรงมากขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

แนวทางการแก้ไขเมื่อเกิดการระคายเคืองคอ

การแก้ไขการระคายเคืองคอขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการนั้น ๆ และอาจต้องใช้วิธีการต่าง ๆ ตามบริบทของปัญหา นี่คือแนวทางทั่วไปที่อาจช่วยแก้ไขการระคายเคืองคอ

1.ดื่มน้ำมาก: การดื่มน้ำมากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในคอและลดความแห้งของลำคอ ทำให้การระคายเคืองดีขึ้น

2.การใช้ฝ่ามือในการลงคอ: การใช้ฝ่ามือทาน้ำครั้งละหยดลงในลำคออาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

3.การทำความสะอาดลำคอ: ใช้น้ำเกลืออุ่นหรือน้ำเกลือแบบทำเอง (saltwater gargle) เพื่อลดการอักเสบและช่วยทำความสะอาดลำคอ

4.การพักผ่อนหรือการนอนหลับ: การนอนพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและลดการเครียดที่อาจเป็นสาเหตุของการระคายเคืองคอ

5.การหลีกเลี่ยงตัวทำละลายหรือสารเคมี: หลีกเลี่ยงสารที่อาจทำให้คอแห้ง เช่น แอร์เย็น, สารทำละลาย, หรือสารเคมีที่อาจทำให้คอระคายเคือง

6.การใช้ยาลดอาการ: การใช้ยาลดอาการและแก้ไขสภาพที่ทำให้เกิดอาการ ตัวอย่างเช่น ยาละลายเสมหะ, ยาลดปวด, หรือยาลดการอักเสบ

7.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: หากการใช้เสียงมากหรือการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุ ควรลดการใช้เสียงหรือเลิกสูบบุหรี่

หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการที่ไม่ปกติ เช่น ไข้สูง, ปวดคอรุนแรง, หรืออาการอื่น ๆ ที่ไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

ทำงานออฟฟิศอย่างไรให้สุขภาพดี

ทำงานออฟฟิศอย่างไรให้สุขภาพดี โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นหนึ่งในโรคที่พบเจอได้บ่อย ๆ มากสำหรับวัยทำงาน เพราะในแต่ละวันนั้น เราจะต้องนั่งทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จนอาจทำให้ร่างกายของเรา หรือกล้ามเนื้อได้รับความเสียหายได้ง่าย เนื่องจากร่างกายไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว

จนอาจทำให้หลายคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง ถึงแม้ว่าโรคนี้จะสามารถพบเจอได้บ่อย ๆ และดูไม่ได้มีความรุนแรงมานัก

แต่รู้หรือไม่ว่า หากเราปล่อยละเลยการดูแลรักษา อาการของโรคก็จะรุนแรงมากขึ้น จนอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้นั่นเอง ฉะนั้น การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายสำหรับวัยทำงาน

เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   หรือพนักงานออฟฟิศ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะการดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องขับเคลื่อนด้วยการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันร่างกายจากความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ สำหรับพนักงานออฟฟิศ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพร่างกาย ฉบับคนทำงานออฟฟิศ จะทำอย่างไรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขภาพดี วันนี้เรามีคำตอบ 

  • การเริ่มต้นด้วยอาหารเช้า

แน่นอนว่าอาหารเช้า เป็นมื้อที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมื้อแรกของวันที่สามารถช่วยเติมพลังงานให้สมองของเราได้ แถมยังช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า รู้สึกสดชื่น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้กับเราได้ 

  • ควรจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน

วัยทำงานส่วนใหญ่ มักที่จะไม่ค่อยชอบดื่มน้ำในระหว่างวัน จนทำให้ร่างกายขาดน้ำ และมักที่จะมีพฤติกรรมการดื่มน้ำน้อย ซึ่งการที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีนั้น คือร่างกายของเราจะต้องได้รับปริมาณน้ำอย่างเพียงพอ ฉะนั้น หากใครไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ ก็ควรที่จะจิบน้ำตลอดทั้งวัน เพื่อเป็นการเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเราเกิดการดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขับของเสีย และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

  • การเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

วัยทำงานส่วนใหญ่มักที่จะไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย จนอาจทำให้ร่างกายนั้นได้รับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ง่าย ฉะนั้น หากเรานั่งอยู่หน้าคอมทั้งวัน ก็ควรที่จะเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ เพื่อเป็นการบริหารร่างกาย และเป็นการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง

นอกจากนี้ การที่เรานั่งทำงานให้ถูกท่า หรือนั่งในท่าที่เหมาะสมเป็นประจำ ก็จะช่วยบรรเทาอาหารปวดหลังได้ และทำให้ร่างกายของเราไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ง่ายนั่นเอง 

3 สัญญาณเตือนโรคหัวใจที่เราไม่ควรมองข้าม

รู้หรือไม่ว่า โรคหัวใจ นับเป็นหนึ่งในโรคที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหนก็ตาม ซึ่งโรคนี้เรียกได้ว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่อาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ความรุนแรง และอาการของโรคนี้ก็ถือว่ามีความอันตรายต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน

ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรง แต่หากเราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายขงตนเองให้ดีอยู่เสมอ

ก็อาจช่วยบรรเทาอาการ หรือช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายนี้ได้ นอกจากนี้การที่เราเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือการหมั่นตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรจะมองข้าม ดังนั้น สำหรับใครที่เกรงว่าตนเองจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ก็ไต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันเว่า จะมีสัญญาณเตือนไหนบ้างที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ เผื่อว่าเราจะได้ป้องกัน และระมัดระวังได้ ไปดูกันเลย 

1.อาการหน้ามืด

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราหน้ามืดง่าย เป็นลมง่าย หรือบางครั้งอาจมีอาการวูบ อาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในอาการที่สามารถบอกได้ว่าเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และกำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่มาก ๆ ทางที่ดีเราควรที่จะรีบเข้ารับการตรวจสุภาพเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อตรวจเช็คให้ดีว่าอาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้รุนแรงต่อการใช้ชีวิตของเรา 

2.อาการเหนื่อยง่าย

ถึงแม้ว่าอาการนี้จะเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป แต่หากคนในครอบครัวของเราไม่ว่าจะคนใดคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจ รู้เอาไว้เลยว่าอาการนี้อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงที่เราจะเป็นโรคหัวใจ

เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยง่าย ไม่สามารถนอนราบกับพื้นได้ หรือหายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อย ซึ่ง  www.hoiana-exclusivex.com   นี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจนั่นเอง 

3.อาการแน่นหน้าอก

อาการนี้เป็นอาการที่สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า คุณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราแน่นหน้าอกง่าย รู้สึกเหือนกับว่ามีคนมานั่งทับหน้าอกอยู่ตลอดเวลา

อาการดังกล่าวเป็นหนึ่งในอาการที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ควรที่จะรีบเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ และเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการตรวจเช็คให้ดีว่า ร่างกายของเราไม่ได้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้น 

เครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาค้างได้

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นสายปาร์ตี้หรือสายเมาในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเมาค้างกันอยู่อย่างแน่นอน เพราะการที่เรามีอาการเมาค้าง หรือ ต้องตื่นแต่เช้านั้น อาจทำให้หลายๆคนมีสุขภาพร่างกายที่อ่อน เพลียได้ง่ายหรือบางคนแทบจะไม่มีแรง

ซึ่งอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่ร่างกายของเราทำงานผิดปกติ จนทำให้ รู้สึกเพลียหรือปวดเมื่อยอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งรู้หรือไม่ ในปัจจุบัน อาการเมาค้างเป็นหนึ่งในอาการที่หลายๆคนมักที่จะพบเจอและมองหาวิธีในการแก้ไขค่อนข้างยากแต่ในสมัยนี้ นอกจากยาจะมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีแล้วรู้หรือไม่ว่า เครื่องดื่มก็มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

ซึ่งในส่วนนี้หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพอีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการเมาค้าง

ซึ่งก็เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้ สายดื่ม รับรองได้เลยว่าหากเราเลือกดื่มเป็นประจำนั้น นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีแล้วยังทำให้ เรานั้นสามารถดื่ม แอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องมาคำนึงถึงอาการเมาค้างอีกเลย จะมีเครื่องดื่มอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

นมสด รู้หรือไม่ว่านมสดนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยแคลเซียมค่อนข้างสูงและดีต่อสุขภาพและกระดูกของเราเป็นอย่างมากก็ตามแต่ในความเป็นจริงแล้วนมสดถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี เพราะนมสดสามารถดูดซับแอลกอฮอล์ภายในร่างกายของเราได้ ไม่ว่าเราจะดื่มแบบร้อนหรือแบบเย็นก็ตามก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราสดชื่นได้นั่นเอง

กาแฟ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากาแฟนอกจากจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทของเราได้แล้ว กาแฟยังมีสรรพคุณที่มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟสดที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเลย เพราะจะทำให้เรานั้นไม่มีอาการคลื่นใส้ หรืออาจอาเจียนได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย

น้ำอัดลม รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากน้ำอัดลมหรือน้ำโซดา นอกจากจะช่วยขับสารพิษภายในร่างกายของเราออกมาได้เป็นอย่างดีแล้วยังมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำอัดลมจะมีส่วนช่วยในการลดสารเอทานอลในร่างกายได้ ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการวิงเวียนศรีษะ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

วิธีดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดี

5 วิธีดูแลสุขภาพจิตให้ผ่อนคลายและหายเครียด

รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ นอกจากการมีสุขภาพร่างกายที่จะเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเราแล้วนั้น

การมีสุขภาพจิตที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะสมัยนี้เนื่องจากคนส่วนใหญ่นั้นใช้ชีวิตกันด้วยความเครียดหรือความกดดันต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้ ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ยิ่งเรามีความเครียดที่สะสมเป็นเวลานาน มีความวิตกกังวล หรือมีคสุขภาพจิตที่ไม่ค่อยดี

ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต จนอาจทำให้เรานั้นได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีได้นั้นก็คือการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง รวมไปถึงการมีสุขภาพจิตใจที่ดีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม

สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดีด้วยวิธีง่าย ๆ

รับรองได้เลยว่านอกจากจะได้สุขภาพจิตที่ดีแล้ว ยังทำให้เรานั้นมีชีวิตที่ดีและมีประสิทธิภาพอีกด้วย  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ    จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

  • การดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีได้นั้นก็คือการมีสุขภาพร่างกายที่ดี รวมไปถึงมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นด้วย หากใครที่อยากเสริมสร้างสุขภาพจิตของตนเองให้ดี ก็ควรที่จะลดความเครียด ความวิตกกังวลให้ลดน้อยลง รวมไปถึงการทำให้ตนเองนั้นรู้สึกผ่อนคลายได้มากที่สุด

นอกจากนี้การที่เราหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นกัน การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ดีและแข็งแรงให้แก่ร่างกาย

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น

การที่เรามองโลกในแง่ดี มองโลกในแง่บอก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เรานั้นใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ครอบครัว รวมไปถึงกับคนในสังคม การเข้าใจความรู้สึกคนรอบข้าง เข้าใจความรู้สึกคนอื่นให้มาก ๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของเรานั้นดี และทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิต

  • การทำจิตใจให้สดชื่น

รู้หรือไม่ว่า การที่เรามีจิตใจที่สดใส แจ่มใส ไม่ใจร้อน หรือใครที่มีอารมณ์โกรธง่าย ซึ่งสิ่งนี้เราจะทำให้เรานั้นยิ่งบั่นทอนหัวใจ ฉะนั้น ทางที่ดีเราก็คงรที่จะมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ไม่อ่อนไหวต่อคำพูดง่าย หรือไม่ควรที่จะหมกหมุ่นกับเรื่องที่มันไร้สาระมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเรานั่นเอง 

3 ผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ที่หลายคนยังไม่รู้

หากพูดถึงเรื่องของการทานผลไม้ ในสมัยปัจจุบันนี้สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

เพราะหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากมาย ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราทั้งนั้น ทั้งยังเป็นหนึ่งในอาหารที่เราควรจะรับประทานกันบ่อย ๆ เพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของร่างกาย

และสร้างความสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอกได้อีกด้วย ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่า ผลไม้ในสมัยนี้มีมากมายหลากหลายประเภทมาก ๆ

ซึ่งผลไม้แต่ละประเภทนั้นก็จะมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป หรืออาจจะมีทั้งผลไม้ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเราก็ควรที่จะเลือกทานผลไม้ให้เหมาะสม เพื่อให้ส่งผลดีต่อร่างกายของเรานั่นเอง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการทานผลไม้กันมากขึ้น

เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้  ถ่านเครื่องช่วยฟัง    เราจะมาแนะนำผลไม้ที่เรามักจะพบเจอบ่อย ๆ แถมยังเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายมาก ๆ จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างไปดูกันเลย 

1.มังคุด ถึงแม้ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่รู้หรือไม่ว่า มังคุดล้วนแต่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นผลไม้รสชิตหวานอมเปรี้ยว จึงทำให้ในมังคุดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซีที่สูงมาก ๆ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าหากใครที่อยากหายจากอาการเป็นไข้ เป็นหวัด ต้องทานเนื้อมังคุด เพราะจะมีสรรพคุณที่สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

2.น้อยหน่า เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่สามารถหาทานได้ยากมาก ๆ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าผลไม้ชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักมาก ๆ แถมยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ บำรุงเส้นผม และดวงตาของเราให้สุขภาพดีได้ นอกจากนี้ น้อยหน่ายังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย มีวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่าจะยิ่งดีต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน 

3.ขนุน ถึงแม้ว่าขนุน ขนุนเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานมาก ๆ จนทำให้หลายคนมองว่าไม่ดีต่อร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า ขนุนสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูมาก ๆ แถมยังมีสรรพคุณที่เป็นสมุนไร สามารถนำมาเป็นยารักษาอาการต่าง ๆ ได้ดีมาก ๆ

นอกจากนี้ขนุนยังมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายมากมาย เพราะสามารถช่วยบำรุงโลหิต มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย รับรองได้เลยว่านอกจากเราจะได้ทานของหวานที่อร่อยแล้ว เรายังได้ประโยชน์ดี ๆ มากมายอีกด้วย 

3 ข้อเสียของการทานอาหารคลีน

อาหารคลีน เป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่หลาย ๆ คนนั้น มักที่จะชอบทานกันอยู่บ่อย ๆ เพราะการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์นั้น เป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราไม่ควรที่จะมองข้ามไปอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงนั้น ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หลาย ๆ คนอยากที่จะใช้ชีวิตในประจำวันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

และช่วยป้องกันการโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกายนั่นเอง ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้เริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญ

กับการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารคลีน เพราะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถทานได้ง่าย เพราะประกอบไปด้วยผัก และอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง จึงทำให้บางคนมองว่าหากทานอาหารประเภทนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่

แต่ทว่า ถึงแม้อาหารคลีน จะเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนก็ตาม รวมไปถึงอาหารคลีน กีทั้งประโยชน์ และมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นทานอาหารคลีน หรืออาหารเพื่อสุขภาพ วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า ข้อเสียของการทานอาหารคลีนเป็นประจำนั้นจะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย 

  • การทานอาหารคลีนจะทำให้เราขาดสารอาหาร

แน่นอนว่าในอาหารคลีนจะประกอบไปด้วยผักเป็นหลัก และจะเน้นไปที่โปรตีน ซึ่งหากเราทานเป็นประจำนั้นอาจจะทำให้บางมื้อร่างกายของเราไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ จนทำให้ร่างกายของเราขาดสารอาหารได้ โดยเฉพาะสารอาหารประเภท แป้ง ไขมัน รวมไปถึงสารอาหารอื่น ๆ อีกด้วย

เพราะในบางครั้งร่างกายของเราก็มีความจำเป็นที่ต้องการสร้าพลังงาน แต่หากอยู่ในช่วงของการกินคลีน อาจจะทำให้ร่างกายของเราเกิดการขาดสารอาหารได้นั่นเอง 

  • การทานอาหารคลีนเสี่ยงต่อการรับสารพิษ

อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาหารคลีน จะเน้นไปที่ผักเป็นหลัก ซึ่งในบางครั้งเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผักที่เรารับประทานเข้านั้นสด สะอาด หรือปลอดสารพิษ สารเคมีหรือไม่ ถึงแม้ว่าเราจะนำมาล้างสะอาดมากแค่ไหนก็ตาม ยิ่งเราทานเป็นประจำนั้นก็อาจจะทำให้ร่างกายของเราเกิดการสะสมของสารพิษ สารเคมีได้นั่นเอง 

  • การทานอาหารคลีนไม่ควรเก็บไว้นาน

รู้หรือไม่ว่าการที่เราเก็บอาหารคลีนไว้ทานเป็นเวลานานนั้น นอกจากจะทำให้อาหารคลีนไม่ได้ประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจทำให้อาหารเกิดการเน่าเสียได้ เพราะอาหารที่ไม่ได้ผ่านคงามร้อนมาก่อนหากอยู่ในสภาพอากาศที่อบอ้าว อาจจะทำให้เน่าเสียได้ง่าย ซึ่งหากเราทานเข้าไปนั้นอาจจะทำให้เราท้องเสียได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

อาหารที่ไม่ควรนำมาทานคู่กับการดื่มแอลกอฮอล์

เราคงไม่ห้ามให้คุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรอกเพราะอันที่จริงแล้วคุณรู้อยู่ดีว่าการดื่มแอลกอฮอล์มันดีต่อสุขภาพของคุณหรือไม่แต่บางคนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะจะต้องมีสังคมจะต้องไปเจอลูกค้าจะต้องไปพบปะเหตุผลต่างๆนานาที่คุณจะนำมาดื่มแอลกอฮอล์ดังนั้นเราจะไม่มาพูดถึงเรื่องราวการห้ามดื่มแต่เราจะมาพูดถึงอาหารที่ไม่ควรนำมาทานคู่กับแอลกอฮอล์เพราะว่ามันอาจจะส่งผลเสียหรือส่งผลไม่ดีต่อร่างกายของคุณ

การเลือกดื่มแอลกอฮอล์สามารถเลือกดื่มได้อย่างเหมาะสมหรือขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นนั้นแต่การเลือกรับประทานอาหารพี่ทานคู่กับการดื่มแอลกอฮอล์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญนะสิ่งต่างๆที่คุณหรือสายดื่มทั้งหลายยังไม่รู้วันนี้เราจะมาบอกเพื่อให้คุณหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์

อาหารที่ไม่ควรนำมารับประทานตอนที่ดื่มแอลกอฮอล์มีดังนี้

 1.อาหารรสเค็ม

อาหารรสเค็มเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันคืออาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมดังนั้นการกินอาหารรสเคมหรืออาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมแล้ว  เครื่องช่วยฟังอย่างดี    จะทำให้เราคอแห้งกระหายน้ำมากยิ่งขึ้นดังนั้นการเลือกกับแกล้มที่จะมาทานคู่กับแอลกอฮอล์ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกนี้หรืออาหารที่มีโซเดียมน้อยจะเหมาะสมกว่า

2.อาหารรสเปรี้ยว

สายดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มักจะเป็นกรดไหลย้อนอันที่จริงแล้วไม่ได้ เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์นะส่วนใหญ่ที่เป็นกรดไหลย้อนมักจะเป็นการกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวคู่กับการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าอาหารที่มีรสเปรี้ยวนั้นจะไปเร่งการทำงานของกดไลค์ย้อนได้ดีซึ่งมันจะเสี่ยงทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนได้อาจจะเกิดอาการแสบท้องอย่างรุนแรงได้เช่นกันดังนั้นหากเลี่ยงอาหารที่มีรสเปรี้ยวได้ก็คงจะดีไม่น้อย

3.ขนมปัง

ไม่ต้องงงว่าทำไมไม่ควรทานขนมปังคู่กับแอลกอฮอล์เพราะว่าขนมปังนั้นจะส่งผลทำให้คุณท้องอืดได้จะสังเกตได้ว่าเวลาที่คุณตื่นมาจากการดื่มหนักในช่วงกลางคืนแล้วทานขนมปังเมื่อเช้ามาจะรู้สึกว่าท้องอืดท้องเฟ้อเป็นอย่างมากอาหารที่ถูกทานไปจะไม่ย่อยเอาซะเลยดังนั้นการเลี่ยงทานขนมปังจึงเป็นสิ่งที่ควรทำขณะทานแอลกอฮอร์นะคะ

4.น้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล

คนส่วนใหญ่มักจะดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมเขาด้วยน้ำอัดลมแต่การผสมเข้ากับน้ำอัดลมมีบางอย่างที่คุณจะต้องรู้ก็คือถ้าเป็นสูตรที่ไม่มีน้ำตาลจะทำให้คุณเมาได้ช้าลงแต่ก็จะเมาหนักกว่าการใช้น้ำอัดลมที่มีสูตรน้ำตาลปกติ คนส่วนใหญ่มักจะดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมเขาด้วยน้ำอัดลมแต่การผสมเข้ากับน้ำอัดลมมีบางอย่างที่คุณจะต้องรู้ก็คือถ้าเป็นสูตรที่ไม่มีน้ำตาลจะทำให้คุณเมาได้ช้าลงแต่ก็จะเมาหนักกว่าการใช้น้ำอัดลมที่มีสูตรน้ำตาลปกติ

ชาที่นิยมและช่วยบำรุงร่างกาย มีชาอะไรบ้าง

การดื่มชาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความชอบและสุขสภาพของแต่ละคน ชามีหลายประเภทและรสชาติต่าง ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อรสชาตและสุขภาพที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มีประโยชน์สำหรับสุขภาพอย่างทั่วไปถ้าดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและไม่เพิ่มน้ำตาลหรือครีมมากเกินไป

ชามีสารหลายประการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แอนติออกซิแดนต์ (antioxidants) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นสติปัญญาและความตื่นเต้น

ชาที่นิยมและช่วยบำรุงร่างกาย แต่ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการดื่มคาเฟอีนหรือสารอื่น ๆ ที่อาจมีในชา หรือมีข้อจำกัดในสุขสภาพบางประการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

 

ชาที่นิยมและช่วยบำรุงร่างกาย มีชาอะไรบ้าง

มีหลายประเภทของชาที่นิยมและมีความพิเศษต่อสุขภาพบางประการ ต่อไปนี้คือบางประเภทของชาที่มีชื่อเสียงและมีคุณสมบัติที่อาจช่วยบำรุงร่างกาย การเลือกดื่มชาควรจะพิจารณาปริมาณการดื่มในแต่ละวันเพื่อป้องกันการบริโภคคาเฟอีนเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลหรือครีมที่มีแคลอรีสูงเข้าไปในชา

1.ชาเขียว (Green Tea): เป็นชาที่ผลิตโดยไม่ทำให้ใบชาสะสมคลอโรฟิลล์เขียว มีสารต้านอนุมูลอิส (antioxidants) อย่างชาโคลีน, คาเตคิน, และอีกมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพใจและลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด

2.ชาดำ (Black Tea): มีสารต้านอนุมูลอิสและสารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการลดความเครียดและมีผลต่อการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

3.ชาออลอง (Oolong Tea): มีสารต้านอนุมูลอิสและถือเป็นชาที่อาจช่วยลดน้ำหนักได้

4.ชาที่ผสมสมุนไพร (Herbal Tea): ไม่มีใบชาแท้ ๆ แต่ผลิตจากสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ชามะละกอ, ชาทิฟฟานี, หรือชาลิปโดต่าง ๆ ที่มีสมบัติทางยุทธศาสตร์และช่วยในการผ่อนคลาย

5.ชาขมิ้น (Turmeric Tea): มีเครื่องเทศขมิ้น (curcumin) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสและเป็นต้านการอักเสบ

6.ชาเทียม (Chamomile Tea): มีสมบัติทางยุทธศาสตร์ที่ช่วยในการผ่อนคลายและนอนหลับ

การดื่มชาอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนัก เนื่องจากบางประเภทของชามีคุณสมบัติที่สามารถช่วยในกระบวนการลดน้ำหนักได้บ้าง ต่อไปนี้คือวิธีที่ชาอาจช่วยในกระบวนการลดน้ำหนัก

1.ชาเขียว (Green Tea): มีสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและช่วยในกระบวนการลดน้ำหนัก

2.ชาออลอง (Oolong Tea): มีส่วนผสมที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้

3.ชาขมิ้น (Turmeric Tea): มีเครื่องเทศขมิ้น (curcumin) ที่อาจช่วยลดการสะสมไขมัน

4.ชาลิปโด (Lipid Tea): ชาที่ผสมสารสกัดจากพืชบางชนิดที่มีคุณสมบัติลดไขมัน

5.ชามะละกอ (Pumpkin Tea): ชาที่ทำจากเนื้อมะละกอมีความหวานเบา และอาจช่วยควบคุมความอยากอาหาร

อย่างไรก็ตามการดื่มชาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คุณลดน้ำหนักได้โดยตรง การรักษาน้ำหนักและสุขภาพดีต้องผสมผสานกับการออกกำลังกายและการบริหารจัดการอาหารที่ดี ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการหรือแพทย์เพื่อได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและเป้าหมายของการลดน้ำหนักของคุณ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง