การอดนอนเป็นเวลานานๆ ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

 

การอดนอนเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งกายและจิตใจได้หลายประการดังนี้

1.ปัญหาสุขภาพกาย

-เสี่ยงต่อโรค: การขาดนอนหรือนอนน้อยมากอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน และโรคซึมเศร้า

-เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ: ความผิดพลาดและความไม่ระมัดระวังอาจเพิ่มโอกาสให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับขี่รถยนต์หรือการใช้เครื่องจักรเมื่อมีสมาธิน้อยลง

-สร้างปัญหาเวทีซีอีกับระบบภูมิคุ้มกัน: การนอนไม่เพียงพออาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ร่างกายมีโอกาสต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายมากขึ้น

 

2.ปัญหาสุขภาพจิต

-ภาวะเครียดและซึมเศร้า: การนอนไม่เพียงพอสามารถเป็นส่วนใหญ่ของปัญหาซึมเศร้าและภาวะเครียด

-ปัญหาสมาธิและการควบคุมอารมณ์: การนอนไม่เพียงพออาจทำให้สมาธิลดลงและมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการพุ่งขึ้นในการทำอะไรบางอย่างโดยไม่มีการพิจารณา

 

3.ผลกระทบต่อสมรรถภาพทางสมองและความคิด

-ความจำและสมรรถภาพทางสมองลดลง: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้สมรรถภาพทางสมองลดลง รวมถึงสามารถมีผลต่อความจำและศักยภาพในการคิด

-ปัญหาในการตัดสินใจ: การขาดนอนอาจทำให้มีปัญหาในการตัดสินใจอย่างเหมาะสมและเต็มที่

 

4.ผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ทางสังคม

-ประสิทธิภาพการทำงานลดลง: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง รวมถึงสามารถมีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้และการจดจำ

-ความสัมพันธ์สังคม: การขาดนอนอาจทำให้มีปัญหาในความสัมพันธ์ และ  คาสิโนเวียดนาม   สามารถส่งผลต่อประสบการณ์ทางสังคม

การอดนอนนานๆ ไม่ใช่เพียงแค่ส่งผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพจิต แต่ยังส่งผลต่อประสบการณ์และคุณภาพชีวิตทั่วไปด้วย ดังนั้น เพื่อสุขภาพทั้งกายและจิตใจที่ดี ควรให้ความสำคัญกับการได้รับพักผ่อนที่เพียงพอและการนอนหลับที่เหมาะสมทุกวัน

โรคที่เกิดจากการอดนอนเป็นเวลานานๆได้แก่

การอดนอนเป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เกิดโรคหรือสภาวะที่เสี่ยงต่อสุขภาพได้หลายอย่าง โดยรวมแล้วมีโรคและสภาวะต่อไปนี้

1.โรคเบาหวาน: การนอนไม่เพียงพออาจทำให้ความไว้ใจของเซลล์ที่ตอบสนองต่อการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน

2.โรคหัวใจและหลอดเลือด: การนอนไม่เพียงพอมักเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงและระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด

3.โรคความดันโลหิตสูง: การขาดนอนอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้

4.โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน

5.โรคเมตาบอลิซึม: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้การต่อสู้กับน้ำตาลในร่างกายลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเมตาบอลิซึม

6.ปัญหาสุขภาพจิต: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะเครียด ซึ่งสามารถเป็นตัวชี้วัดที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า

7.ปัญหาทางการทำงาน: การขาดนอนอาจทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงาน

การอดนอนเป็นเวลานานๆ มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการรับนอนให้เพียงพอและมีคุณภาพในทุกวัน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีโรคอะไรบ้าง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections, STIs) เป็นกลุ่มของโรคที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยมักเกิดจากเชื้อโรคที่ถูกแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน เชื้อโรคสามารถถ่ายทอดได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก ช่องคลอด หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก รวมถึงการแบ่งปันเข้าใช้สิ่งของบุคคลอื่น ๆ เช่น การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่สะอาด หรือการใช้สารเสพติดที่ถูกแช่แข็งด้วยวิธีที่มีความเสี่ยง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีโรคอะไรบ้าง

1.เอดส์ (AIDS) หรือโรคเอดส์ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส HIV

2.ซิฟิลิส (Syphilis)

3.กลูโกมา (Gonorrhea)

4.ติดเชื้อในท่อไต (Chlamydia)

5.ฮีอีวี (Herpes)

6.หูดทางท่อเชื้อ (Trichomoniasis)

7.ต่อมน้ำตาลสมอง (Genital Warts)

8.ไข้ต่ำกว่าหนึ่งวัน (One-day fever)

9.ไข้เลือดอุดมไข้ (Hemorrhagic fever)

10.โรคปากและคางที่เกิดจากไวรัสตระกูลเฮอร์เปส (Oral and facial diseases caused by herpesviruses)

11.โรคติดเชื้อในท่อน้ำดี (Urethritis)

สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ เราสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ชุดกันเปื้อน (condoms) ในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาโรคและรับการรักษาที่เหมาะสมในกรณีที่ติดเชื้อไปแล้ว

การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นเชื้อไวรัสอาจจะไม่สามารถรักษาหายได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการใช้ยาที่เหมาะสมและการดูแลสุขภาพที่ดี การป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคระหว่างบุคคลและลดการระบาดของโรคเหล่านี้ในสังคมได้ด้วยกัน

แนวทางการแก้ไข โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การแก้ไขโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลายแนวทางตามความรุนแรงของโรคและสถานการณ์ที่เจออยู่ แต่มีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1.ป้องกันการติดเชื้อ: การป้องกันการติดเชื้อโรคต้องเน้นการใช้ชุดกันเปื้อน (condoms) ในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการเลือกพันธุ์อวัยวะที่ปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และการลดความเสี่ยงโดยการไม่มีพันธุ์อวัยวะหลายคน

2.การตรวจสุขภาพประจำ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ

3.การรับวัคซีน: สำหรับบางโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น ไวรัส HPV (ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก) และไวรัสตับอักเสบ B เป็นต้น การรับวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ

4.การรักษาโรค: ในกรณีที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว การรักษาควรเริ่มต้นโดยการพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม และป้องกันการแพร่กระจายของโรคต่อไป

5.การแถลงการณ์: การศึกษาและการแถลงการณ์เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในประชาชนเกี่ยวกับวิธีการป้องกัน การรับรู้อาการ และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

6.การควบคุมและการจัดการโรค: การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการแพทย์ องค์กรสาธารณสุข และชุมชน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และให้การรักษาแก่บุคคลที่ติดเชื้ออย่างเหมาะสม

การแก้ไขโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องการการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่ต้องการรับการรักษา แพทย์ องค์กรสาธารณสุข และชุมชน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    Inspire คาสิโนเกาหลี

มาตรฐานความงามที่ไม่สมจริง สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ที่สะดุดตา

เช่นเดียวกับวัยรุ่นส่วนใหญ่ Lindsay ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อฆ่าเวลาเมื่อเธอไม่ยุ่งกับโรงเรียนหรือการบ้าน อินฟลูเอนเซอร์หลายคนที่เธอติดตามใช้ฟิลเตอร์ในรูปภาพ

และบางคนก็แก้ไขหลายอย่างก่อนที่จะโพสต์ เมื่อดูภาพที่ประณีตและไม่สมจริงเหล่านี้ เธอรู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้ว เธอไม่สมบูรณ์แบบและมีข้อบกพร่องหลายประการ ผิวพรรณของเธอไม่เหมือนที่เธอเห็นจากไอดอลของเธอ แขนขาและเอวของพวกเธอก็บางกว่าเธอมาก

โดยไม่รู้ว่ามาตรฐานความงามเหล่านี้ไม่สมจริงเพียงใด หรือความสัมพันธ์ระหว่างมาตรฐานความงามกับสุขภาพจิต เธอรีบเข้าสู่วงจรแห่งความเกลียดชังตนเอง การลงโทษตนเอง และความซึมเศร้า

เพื่อให้ดูผอมลง เธอจึงเริ่มควบคุมอาหารอย่างหนักและมักจะอดอาหารมาทั้งวัน สิ่งนี้ทำให้เธอเหนื่อยและไม่สามารถมีสมาธิกับการบ้านได้ และเธอก็หงุดหงิดมากเมื่ออยู่ที่บ้าน บางครั้งความหิวก็รุนแรงมากจนในที่สุดเธอก็กินอาหารขยะในครัวจนจุใจ จากนั้นเธอก็รู้สึกผิดอย่างล้นหลามกับสิ่งที่เธอทำลงไป และอาเจียนออกมาเพื่อเป็นการชำระล้างร่างกายของเธอ

สุขภาพโดยรวมของเธอแย่ลง เธอถูกโดดเดี่ยวจากเพื่อนและครอบครัว และเธอมักจะดูซีดเซียวและทรุดโทรม ลินด์ซีย์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของผู้คนจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาการกินผิดปกติและภาวะซึมเศร้า ในขณะที่พยายามรักษามาตรฐานความงามที่ไม่สมจริงที่พวกเขาเผชิญอยู่

ตามสถิติของ Nation Eating Disorders Association พบว่า 5.2% ของผู้หญิงเข้าเกณฑ์สำหรับโรคเบื่ออาหาร bulimia nervosa หรือโรคการกินเกินปกติ บทความนี้ครอบคลุมว่ามาตรฐานความงามคืออะไร และอธิบายผลกระทบด้านลบทางจิตวิทยาของมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริงที่มีต่อสุขภาพชีวิตและสุขภาพจิตของผู้คน

มาตรฐานความงามคืออะไร

มาตรฐานความงามคือชุดของบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่กำหนดสิ่งที่ถือว่าสวยงามน่าพึงพอใจ ในอดีต มาตรฐานเหล่านี้ได้รับอิทธิพลส่วนใหญ่จากอุดมคติของตะวันตก แต่ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ตัวอย่างเช่น รูปร่างในอุดมคติของผู้หญิงที่เห็นในนิตยสารแฟชั่น

โดยทั่วไปแล้วจะทำได้ผ่าน Photoshop หรือการดัดแปลงทางดิจิทัลอื่นๆ เท่านั้น ในทำนองเดียวกัน สีผิวหรือเส้นผมที่ “สมบูรณ์แบบ” มักเกิดขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์

สำหรับเส้นผม ผู้ชายก็มักถูกคาดหวังให้มีรูปร่างและรูปร่างที่ดูดี ซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทุ่มเทในยิมจึงจะบรรลุผล นอกจากนี้ ผู้คนทุกเพศมักถูกตัดสินอย่างรุนแรงถึงความไม่สมบูรณ์ทางกายภาพ ไม่ว่าพวกเขาจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อท้าทายมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริงและส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งรวมถึงโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น #CurvyandProud ซึ่งเฉลิมฉลองให้กับผู้หญิงทุกรูปร่างและทุกขนาด และ #IWokeUpLikeThis

ซึ่งสนับสนุนให้ผู้คนยอมรับรูปลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลร้ายของมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริง เราสามารถเริ่มสร้างวัฒนธรรมที่ครอบคลุมและเป็นบวกต่อร่างกายได้มากขึ้น

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

เปิดเคล็ดลับสร้างสุขภาพที่ดีได้ในทุกวัน

การมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง จากภายในสู่ภายนอก เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราไม่ควรจะมองข้ามอย่างเด็ดขาด

เพราะคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ จำเป็นที่จะต้องสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพให้ใช้งานได้ยาวนาน รวมไปถึงเพื่อให้การดำเนินชีวิตนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ฉะนั้น ในสมัยนี้เราจึงจะเห็นได้ว่า หลาย ๆ คนนั้นหันมาให้ความสำคัญ และนิยมออกกำลังกายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีไหนก็ตาม

เพราะการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ย่อมมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราทั้งนั้น ยิ่งถ้าเราหมั่นออกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งเป็นการสร้างความแข็งแรง และสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าหลาย ๆ

คนในสมัยนี้  เริ่มมองหาวิธี และเคล็ดลับดี ๆ ในการช่วงเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเองอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งขอบอกเลยว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้เราจะมานำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี รับรองได้เลยว่าหากเราทำเป็นประจำจะยิ่งช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แน่นอนว่า การที่ร่างกายของเราได้รับสารอาหารย่างครบถ้วน 5 หมู่ จะยิ่งช่วยกระตุ้นการทำงาน และช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของเราได้ ยิ่งหากเราเลือกทานแต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ   ทำให้ร่างกายของเรามีพลังงาน และแข็งแรงอย่างเต็มที่ได้ 

การรักษาความสะอาดอยู่เสมอ รู้หรือไม่ว่า การที่เราให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ จะสามารถช่วยป้องกันร่างกายของเราจะเชื้อโรค หรือโรคร้ายต่าง ๆ ได้

ยิ่งถ้าตัวของเราสะอาด รวมไปถึง เสื้อผ้าหน้าผม หรือของใช้ต่าง ๆ จะยิ่งทำให้เราดูดีมากขึ้น ทำให้เรามั่นในที่จะใช้ชีวิตมากขึ้น รับรองได้เลยว่าวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีได้อย่างแน่นอน 

การดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างที่เราทราบกันดีว่า การดื่มน้ำวันละ 8 แก้วต่อวันสำคัญมาก ๆ ต่อร่างกายของเรา แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งเราดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อร่างกาย ถือเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีหแก่เราได้ ซึ่งจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเราไม่รู้สึกกระหายน้ำได้อีกด้วย 

หากใช้สายตามากเกินไป จะรักษาดวงตาด้วยวิธีไหนดี

ดวงตา เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเราควรที่จะดูแลเป็นอย่างดี เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่ทว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนมักที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพดวงตาของเราตนเอง

จนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก แถมยังอาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวกับสายตาอีกด้วย ฉะนั้น การที่เราหใความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย รวมไปถึงดวงตา เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรจะมองข้ามอย่างเด็ดขาด

ยิ่งหากใครที่ต้องใช้งานดวงตา อย่างวัยทำงาน วัยเรียน ยิ่งต้องรักษา และดูแลสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอ

เพื่อให้การใช้ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ในสมัยนี้ มีวิธีการมากมายที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถดูแลรักษาสุขภาพดวงของตนเองให้ดีอยู่เสมอ เพื่อป้องกันดวงตาไม่ให้ได้รับความเสียหาย ดังนั้น หากใครที่จำเป็นที่จะต้องใช้งานดวงตาอย่างหนัก วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพดวงตาของตนเองให้ดี แข็งแรง ใช้งานได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย  

1.การเลือกทานอาหาร

แน่นอนว่า นอกจากการที่เราจะต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว เรายังต้องเลือกอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลรักษาสุขภาพดวงตาของเราด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง สุขภาพดีอยู่เสมอ เพราะการที่เราเลือกทานอาหารที่เน้นไปที่การดูแลสุขภาพดวงตา อาจจะช่วยให้เรานั้นมีสายตาที่ดี แข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นได้ 

2.การบริหารสายตา

อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้งานดวงตาอย่างหนัก การที่เราพักผ่อนสายตาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่ได้นานมาก แต่อย่างน้อยเราก็จะได้พักผ่อนสายตา เพื่อที่ไม่เป็นการทำลายสุขภาพดวงตาของเรามากจนเกินไป รับรองได้เลยว่าวิธีนี้จะช่วยให้เรานั้นมีสุขภาพดวงตาที่ดี ได้ผ่อนคลายสายตาของเราได้อีกด้วย 

3.การทานอาหารเสริม

การที่เราเลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้ร่างกาย อาจจะช่วยส่งเสริมร่างกายของเราให้ดีขึ้นได้ การสิ่งดี ๆ ให้ดวงตาของเราเช่นกัน ซึ่งเราควรเลือกอาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาของเราโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแรง และทำให้สุขภาพดวงตาของเรานั้นดีอยู่เสมอ

ซึ่งในสมัยนี้ก็มีอาหารเสริมมากมายหลากหลายประเภท การที่เรามองหาอาหารเสริมที่เหมาะสมต่อดวงตาของเรา ก็อาจจะทำให้สายตาของเราไม่ถูกทำร้ายมากเกินไป แถมยังสามารถใช้วงานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

3 เรื่องที่เราควรทำหากต้องการมีสุขภาพที่ดี

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ในสมัยปัจจุบันนี้  hoiana casino     มักที่จะมีพฤติกรรมการปล่อยละเลยการดุแลสุขภาพร่างกายของตนเอง รวมไปถึงการทำร้ายสุขภาพร่างกายขิงตนเองอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นการขาดการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชนื รวมไปถึงการอดหลับอดนอนอยู่เป็นประจำจนทำให้ร่างกายของตนเองนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของร่างกายอ่อนแอ ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย

จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ซึ่งพฤติกรรม หรือนิสัยที่เราชอบทำล้วนแต่เป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง

ฉะนั้น การที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีได้ ไม่เพียงแต่หมั่นออกกำลังกาย หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายวิธี หรือนิสัยที่เราควรจะทำเป็นประจำเพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง

ดังนั้น เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้อยากที่จะมีสุขภาพร่างกาย ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากใครที่อยากสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง วันนี้เราก็จะมาแนะนำเรื่องที่เราควรจะทำเป็นประจำ หากเราอยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี ไปดูกันเลย 

  • การตรวจสุขภาพประจำปี

สิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองว่าได้รับความเสี่ยงไหม คือการที่เราเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจเช็คร่างกายอยู่เสมอ เพราะวิธีนี้จะทำให้เรารู้ทันร่างกาย เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษา หรือดูแลสุขภาพร่างกายได้อย่างเหมาะสม และถูกวิธีนั่นเอง ซึ่งทางที่ดีเราควรจะเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อความมั่นใจ 

  • การหมั่นออกกำลังกาย

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะการที่ร่างกายของเราได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย เพื่อให้การใช้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ 

  • การให้ความสำคัญกับอาหาร

ไม่ใช่ว่าเราจะทานอาหารประเภทไหนก็ตาม เพราะในสมัยปัจจุบันนี้ อาหารส่วนใหญ่จะมีทั้งมีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ หากเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหารก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้ ฉะนั้น เพื่อการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ควรที่จะให้ความสำคัญกับการเลือกอาหาร เพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง และเพื่อช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้นั่นเอง

เมื่อเกิดการระคายเคืองคอ ต้องดูแลอย่างไรและมีแนวทางการแก้ไขอย่างไร

 

Bulto en el cuello: todo lo que debes saber - Mejor con Salud

การระคายเคืองคอ (throat irritation) มักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจมีลักษณะและอาการต่าง ๆ ได้ตามสาเหตุของการระคายเคืองนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อการระคายเคืองคอด้วย

นี่คือบางสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองคอ

1.การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส: เช่น ไวรัสหวัดหรือไข้หวัด

2.การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถทำให้คอแห้งและระคายเคือง

3.การบริโภคสารพิษ: เช่น ควันหลง, ฝุ่น, หรือสารเคมีที่อาจติดมากับอากาศ

4.การใช้เสียงมาก: เช่น การพูดมากหรือใช้เสียงที่เสียดทาน

5.การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เผ็ด, เเร่ง, หรือหวานมาก: อาจทำให้คอระคายเคือง

6.ภาวะแพ้: ภาวะแพ้ที่ทำให้คออักเสบ

การระคายเคืองคอมักเป็นอาการเฉพาะของโรคหรือสภาพที่เป็นชั่วคราว แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือยานและคุณมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่ปกติ เช่น ไข้สูง, ปวดคอ, หายใจเจ็บ, คอบวม, หรืออาการรุนแรงมากขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

แนวทางการแก้ไขเมื่อเกิดการระคายเคืองคอ

การแก้ไขการระคายเคืองคอขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการนั้น ๆ และอาจต้องใช้วิธีการต่าง ๆ ตามบริบทของปัญหา นี่คือแนวทางทั่วไปที่อาจช่วยแก้ไขการระคายเคืองคอ

1.ดื่มน้ำมาก: การดื่มน้ำมากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในคอและลดความแห้งของลำคอ ทำให้การระคายเคืองดีขึ้น

2.การใช้ฝ่ามือในการลงคอ: การใช้ฝ่ามือทาน้ำครั้งละหยดลงในลำคออาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

3.การทำความสะอาดลำคอ: ใช้น้ำเกลืออุ่นหรือน้ำเกลือแบบทำเอง (saltwater gargle) เพื่อลดการอักเสบและช่วยทำความสะอาดลำคอ

4.การพักผ่อนหรือการนอนหลับ: การนอนพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและลดการเครียดที่อาจเป็นสาเหตุของการระคายเคืองคอ

5.การหลีกเลี่ยงตัวทำละลายหรือสารเคมี: หลีกเลี่ยงสารที่อาจทำให้คอแห้ง เช่น แอร์เย็น, สารทำละลาย, หรือสารเคมีที่อาจทำให้คอระคายเคือง

6.การใช้ยาลดอาการ: การใช้ยาลดอาการและแก้ไขสภาพที่ทำให้เกิดอาการ ตัวอย่างเช่น ยาละลายเสมหะ, ยาลดปวด, หรือยาลดการอักเสบ

7.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: หากการใช้เสียงมากหรือการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุ ควรลดการใช้เสียงหรือเลิกสูบบุหรี่

หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการที่ไม่ปกติ เช่น ไข้สูง, ปวดคอรุนแรง, หรืออาการอื่น ๆ ที่ไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

ทำงานออฟฟิศอย่างไรให้สุขภาพดี

ทำงานออฟฟิศอย่างไรให้สุขภาพดี โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นหนึ่งในโรคที่พบเจอได้บ่อย ๆ มากสำหรับวัยทำงาน เพราะในแต่ละวันนั้น เราจะต้องนั่งทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จนอาจทำให้ร่างกายของเรา หรือกล้ามเนื้อได้รับความเสียหายได้ง่าย เนื่องจากร่างกายไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว

จนอาจทำให้หลายคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง ถึงแม้ว่าโรคนี้จะสามารถพบเจอได้บ่อย ๆ และดูไม่ได้มีความรุนแรงมานัก

แต่รู้หรือไม่ว่า หากเราปล่อยละเลยการดูแลรักษา อาการของโรคก็จะรุนแรงมากขึ้น จนอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้นั่นเอง ฉะนั้น การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายสำหรับวัยทำงาน

เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   หรือพนักงานออฟฟิศ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะการดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องขับเคลื่อนด้วยการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันร่างกายจากความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ สำหรับพนักงานออฟฟิศ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพร่างกาย ฉบับคนทำงานออฟฟิศ จะทำอย่างไรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขภาพดี วันนี้เรามีคำตอบ 

  • การเริ่มต้นด้วยอาหารเช้า

แน่นอนว่าอาหารเช้า เป็นมื้อที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมื้อแรกของวันที่สามารถช่วยเติมพลังงานให้สมองของเราได้ แถมยังช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า รู้สึกสดชื่น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้กับเราได้ 

  • ควรจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน

วัยทำงานส่วนใหญ่ มักที่จะไม่ค่อยชอบดื่มน้ำในระหว่างวัน จนทำให้ร่างกายขาดน้ำ และมักที่จะมีพฤติกรรมการดื่มน้ำน้อย ซึ่งการที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีนั้น คือร่างกายของเราจะต้องได้รับปริมาณน้ำอย่างเพียงพอ ฉะนั้น หากใครไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ ก็ควรที่จะจิบน้ำตลอดทั้งวัน เพื่อเป็นการเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเราเกิดการดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขับของเสีย และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

  • การเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

วัยทำงานส่วนใหญ่มักที่จะไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย จนอาจทำให้ร่างกายนั้นได้รับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ง่าย ฉะนั้น หากเรานั่งอยู่หน้าคอมทั้งวัน ก็ควรที่จะเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ เพื่อเป็นการบริหารร่างกาย และเป็นการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง

นอกจากนี้ การที่เรานั่งทำงานให้ถูกท่า หรือนั่งในท่าที่เหมาะสมเป็นประจำ ก็จะช่วยบรรเทาอาหารปวดหลังได้ และทำให้ร่างกายของเราไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ง่ายนั่นเอง 

3 สัญญาณเตือนโรคหัวใจที่เราไม่ควรมองข้าม

รู้หรือไม่ว่า โรคหัวใจ นับเป็นหนึ่งในโรคที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหนก็ตาม ซึ่งโรคนี้เรียกได้ว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่อาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ความรุนแรง และอาการของโรคนี้ก็ถือว่ามีความอันตรายต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน

ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรง แต่หากเราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายขงตนเองให้ดีอยู่เสมอ

ก็อาจช่วยบรรเทาอาการ หรือช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายนี้ได้ นอกจากนี้การที่เราเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือการหมั่นตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรจะมองข้าม ดังนั้น สำหรับใครที่เกรงว่าตนเองจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ก็ไต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันเว่า จะมีสัญญาณเตือนไหนบ้างที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ เผื่อว่าเราจะได้ป้องกัน และระมัดระวังได้ ไปดูกันเลย 

1.อาการหน้ามืด

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราหน้ามืดง่าย เป็นลมง่าย หรือบางครั้งอาจมีอาการวูบ อาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในอาการที่สามารถบอกได้ว่าเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และกำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่มาก ๆ ทางที่ดีเราควรที่จะรีบเข้ารับการตรวจสุภาพเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อตรวจเช็คให้ดีว่าอาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้รุนแรงต่อการใช้ชีวิตของเรา 

2.อาการเหนื่อยง่าย

ถึงแม้ว่าอาการนี้จะเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป แต่หากคนในครอบครัวของเราไม่ว่าจะคนใดคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจ รู้เอาไว้เลยว่าอาการนี้อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงที่เราจะเป็นโรคหัวใจ

เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยง่าย ไม่สามารถนอนราบกับพื้นได้ หรือหายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อย ซึ่ง  www.hoiana-exclusivex.com   นี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจนั่นเอง 

3.อาการแน่นหน้าอก

อาการนี้เป็นอาการที่สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า คุณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราแน่นหน้าอกง่าย รู้สึกเหือนกับว่ามีคนมานั่งทับหน้าอกอยู่ตลอดเวลา

อาการดังกล่าวเป็นหนึ่งในอาการที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ควรที่จะรีบเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ และเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการตรวจเช็คให้ดีว่า ร่างกายของเราไม่ได้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้น 

เครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาค้างได้

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นสายปาร์ตี้หรือสายเมาในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเมาค้างกันอยู่อย่างแน่นอน เพราะการที่เรามีอาการเมาค้าง หรือ ต้องตื่นแต่เช้านั้น อาจทำให้หลายๆคนมีสุขภาพร่างกายที่อ่อน เพลียได้ง่ายหรือบางคนแทบจะไม่มีแรง

ซึ่งอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่ร่างกายของเราทำงานผิดปกติ จนทำให้ รู้สึกเพลียหรือปวดเมื่อยอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งรู้หรือไม่ ในปัจจุบัน อาการเมาค้างเป็นหนึ่งในอาการที่หลายๆคนมักที่จะพบเจอและมองหาวิธีในการแก้ไขค่อนข้างยากแต่ในสมัยนี้ นอกจากยาจะมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีแล้วรู้หรือไม่ว่า เครื่องดื่มก็มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

ซึ่งในส่วนนี้หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพอีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการเมาค้าง

ซึ่งก็เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้ สายดื่ม รับรองได้เลยว่าหากเราเลือกดื่มเป็นประจำนั้น นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีแล้วยังทำให้ เรานั้นสามารถดื่ม แอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องมาคำนึงถึงอาการเมาค้างอีกเลย จะมีเครื่องดื่มอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

นมสด รู้หรือไม่ว่านมสดนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยแคลเซียมค่อนข้างสูงและดีต่อสุขภาพและกระดูกของเราเป็นอย่างมากก็ตามแต่ในความเป็นจริงแล้วนมสดถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี เพราะนมสดสามารถดูดซับแอลกอฮอล์ภายในร่างกายของเราได้ ไม่ว่าเราจะดื่มแบบร้อนหรือแบบเย็นก็ตามก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราสดชื่นได้นั่นเอง

กาแฟ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากาแฟนอกจากจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทของเราได้แล้ว กาแฟยังมีสรรพคุณที่มีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟสดที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเลย เพราะจะทำให้เรานั้นไม่มีอาการคลื่นใส้ หรืออาจอาเจียนได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย

น้ำอัดลม รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากน้ำอัดลมหรือน้ำโซดา นอกจากจะช่วยขับสารพิษภายในร่างกายของเราออกมาได้เป็นอย่างดีแล้วยังมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำอัดลมจะมีส่วนช่วยในการลดสารเอทานอลในร่างกายได้ ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการวิงเวียนศรีษะ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน